ฉีดกลูตาไธโอนหากแพ้อาจถึงตาย
กำลังเป็นกระแส มาแรงมากในตอนนี้ กับการฉีดกลูตาไธโอน เพื่่อเปลี่ยนสีผิวให้ขาวขึ้น ซึ่งในทางการแพทย์ได้ออกมาประกาศแล้วว่าเป็นสารอันตราย การให้บริการฉีดผิวขาวนั้นถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งยังอันตรายจนอาจจะเกิดผลข้างเคียง เช่น เป็นผื่นแดง บวมตามผิวหนัง ความดันโลหิตต่ำ หอบหืดเฉียบพลัน หลอดเลือดตีบหายใจติดขัด หรือถึงกับเสียชีวิตได้
สารกลูตาไธโอน เป็นโปรตีนที่ร่างกายเราสังเคราะห์ได้เอง ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วนโดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยตับขจัดสารพิษ โดยเฉพาะตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เช่น โลหะหนัก สารฆ่าแมลง เมื่อรวมตัวกับสารกลูตาไธโอนจะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกาย ช่วยปกป้องดีเอ็นเอของเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง
เนื่องจากร่างกายเราสร้างกลูตาไธโอนได้เอง เมื่่อต้องเสริมกลูตาไธโอนในปริมาณมากเพื่อมุ่งรักษาโรค จึงมีผลข้างเคียงโดยกลูตาไธโอนมีฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ทำให้ผิวขาวขึ้นในเวลาอันสั้น จึงเกิดการแตกตื่นและนำกลูตาไธโอนมาเเป็นอาหารเสริมเพื่อชะลอวัย และหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู
โดยปกติแล้วสารกลูตาไธโอนนั้นจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งในตับ โรคตับอักเสบ ซึ่งหากนำไปใช้แบบผิด ๆ จะทำให้เป็นอันตรายแก่ผู้ที่เข้ารับบริการ สถานพยาบาลและคลินิกเสริมความงามต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามใช้สารกลูตาไธโอนเพื่อการเสริมความงาม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่ได้รับสารกลูตาไธโอนขึ้นทะเบียน เพราะฉะนั้นสถานพยาบาลและคลินิกเสริมความงาม ที่ใช้สารกลูตาไธโอน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายดังนี้
1. ผิดพระราชบัญญัติยา คือลักลอบขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา
2. ผิดพระราชบัญญัติยา คือลักลอบขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา
3. ผิดพระราชบัญญัติสถานพยาบาล โดยดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. ผิดตามพ.ร.บ.อาหารโดยจำหน่ายอาหารเสริมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอย.
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราจะเสี่ยงไปใช้สารกลูตาไธโอนทำไมล่ะครับ ถ้าคิดว่าอายุมากขึ้นหรือมีโรคแทรกซ้อน อาจทำให้ปริมาณกลูตาไธโอนที่ร่างกายผลิตได้ลดลง ร่างกายขาดสารต้านอนุมูลอิสระ ผิวแห้งเหี่ยวเร็ว ไม่เปล่งปลั่ง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือเลือกกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างกลูตาไธโอนได้ดีขึ้น ได้แก่ ปลา เนื้อหมู เนื้อวัว นม ไข่ หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม มะเขือเทศ และผลไม้ เช่น แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น อะโวคาโด จะดีกว่าครับ ด้วยความปรารถนาดีจาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านวังน้ำเขียว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้